- Details
- Category: นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า
ประกาศเมื่อ 31 พฤษภาคม 2565
เพื่อให้ท่านมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ส่งเสริมคูลเทคอินดัสทรี จำกัดได้รับจะถูกนำไปใช้ตามความต้องการของท่านดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. นโยบายความเป็นส่วนตัว
1. คำนิยาม
ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ คำหรือข้อความสามารถนิยามได้ดังนี้
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎ ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง |
ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล |
ข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามมาตรา 6 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 |
บริษัท |
หมายถึง บริษัท ส่งเสริมคูลเทคอินดัสทรี จำกัด |
เจ้าหน้าที่คุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 |
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทซึ่งมีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้าหรือการให้บริการแก่ลูกค้า และหรือต้องปฏิบัติตามสัญญากับลูกค้า |
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
ลูกค้า |
หมายถึง ลูกค้าหรือผู้ซื้อ หรือผู้ใช้บริการต่าง ๆ ของบริษัท และให้หมายความรวมถึง คู่ค้าธุรกิจ พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย |
2. นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียด การเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผย และวิธีการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลของลูกค้าของบริษัท โดยบริษัทอาจดำเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ท่านจึงควรติดตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่กำหนดไว้นี้อยู่เสมอ
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำไปใช้สำหรับการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและตามบทบัญญัติของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
-
-
- ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีการจัดเก็บ
-
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้นโยบายฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอกหรือบริษัทได้รับมาจากแหล่งที่มาอื่น สามารถแบ่งประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ดังนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปที่บริษัทจัดเก็บ เช่น
-
-
-
- ข้อมูลแสดงตนของท่านและข้อมูลการติดต่อ เช่น ชื่อและนามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง รูปภาพ เพศ วันเกิด ที่อยู่ อาชีพ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล เป็นต้น
- ข้อมูลทางการเงินของท่าน เช่น ข้อมูลตามสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
- ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานหรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของท่าน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบอนุญาตขับขี่ สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ เลขทะเบียนรถยนต์ สำเนาหนังสือมอบอำนาจ ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญจ่าย เป็นต้น
- บันทึกภาพนิ่งหรือบันทึกภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือบันทึกเสียงการสนทนา หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถระบุตัวตนบุคคลได้
-
-
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลตามมาตรา 26 ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่นข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือ ภาพสแกนใบหน้า ข้อมูลศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเชื้อชาติ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวของท่าน เว้นแต่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือกรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
-
-
-
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
-
-
1. บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง เช่น เมื่อท่านเข้าทำสัญญาหรือธุรกรรมกับบริษัท และส่งมอบเอกสารและสำเนาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นต้น
2. บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอก เช่น หน่วยงานราชการ คู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เว็บไซต์อื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น
-
-
-
- ในกรณีการทำธุรกรรม หรือการทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบันแก่บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อท่านที่อาจไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัท หรืออาจไม่ได้รับความสะดวกหรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาที่มีอยู่กับบริษัท และอาจทำให้ท่านได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่ท่านหรือบริษัทต้องปฏิบัติตาม
-
-
-
-
-
- ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
-
-
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อท่าน หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยในกรณีที่ท่านยุติความสัมพันธ์ หรือสิ้นสุดสัญญากับบริษัท หรือกรณีไม่มีการใช้บริการหรือการทำธุรกรรมบริษัทแล้ว หรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่แจ้ง บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดหลังจากนั้น หรือจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความ หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานกฎหมายตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ดังต่อไปนี้
-
-
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนเปิดบัญชีเป็นลูกค้าของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการยืนยันหรือระบุตัวตนของท่านเมื่อเข้าใช้บริการต่าง ๆ หรือเข้าทำสัญญากับบริษัท รวมถึงการดำเนินการตามคำขอของท่านและการปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่าน
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการการให้บริการกับท่าน เช่น เมื่อบริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าและหรือบริการจากท่าน บริษัทจะดำเนินการจัดเตรียมสินค้าและหรือบริการ การจัดส่งสินค้า การวางบิล และการจัดส่งใบเสร็จหรือเอกสารที่เกี่ยวของให้แก่ท่าน หรือการอื่นใดที่จำเป็นเพื่อให้บริการกับท่านอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อการตรวจสอบและรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าและบริการในกรณีบริษัทหรือท่านพบว่าสินค้าหรือบริการของบริษัทไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือชำรุดบกพร่อง
- เพื่อประมวลผลหรือวิเคราะห์ประโยชน์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น เพื่อประโยชน์ในการตั้งค่าและการจัดการบัญชีของท่าน การวิเคราะห์ข้อมูล การส่งมอบการสื่อสารการตลาด การจัดทำสถิติ การวิจัยและการให้บริการ การจัดทำและนำส่งข้อมูลทางการตลาดหรือการโฆษณาภายในบริษัทหรือเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดส่งเนื้อหา การโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ตลอดจนการให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เหมาะสม เป็นต้น เพื่อให้การให้บริการต่าง ๆ ให้ตรงกับความสนใจของท่านและพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท
- เพื่อติดต่อลูกค้า ผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความ อีเมล หรือไปรษณีย์ หรือผ่านช่องทางอื่นใด เพื่อสอบถาม หรือแจ้งให้ลูกค้าทราบ หรือเพื่อตรวจสอบและยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของลูกค้า หรือสำรวจความคิดเห็น หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทตามที่จำเป็นและเหมาะสม
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียน คำติชม หรือข้อเสนอแนะจากลูกค้า โดยบริษัทจะนำข้อมูลที่ได้รับจากท่านไปปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- เพื่อให้การใช้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หลักเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัท ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต และเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
- เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
- เพื่อการตรวจสอบและการรักษาความปลอดภัยของท่านและทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท โดยอาจมีการบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของบริษัท และการบันทึกภาพ และ/หรือ เสียง ภายในอาคารหรือสำนักงาน หรือบริเวณพื้นที่โดยรอบด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
- เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท หรือลูกจ้าง หรือผู้แทนของบริษัท หรือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
- เพื่อการดำเนินการอื่นใดของบริษัทที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อท่านในฐานะลูกค้าของบริษัท ทั้งนี้ หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดของบริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อนการดำเนินการ บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่าน
-
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งแก่ท่านเท่านั้น โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้
-
-
- บริษัทอาจเปิดเผยให้แก่พนักงานหรือบุคคลกรของบริษัทตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้ง
- ผู้ให้บริการซึ่งเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การให้บริการด้านความปลอดภัย การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรืออาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
- หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่หรือใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย โรงพยาบาล เป็นต้น
- หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกัน โรงพยาบาล บริษัทขนส่ง เป็นต้น
- พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เช่น คู่ค้าที่รับดำเนินการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า คู่ค้าผู้รับจ้างจัดกิจกรรมเพื่อการประชาสัมพันธ์ของบริษัท คู่ค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง ผู้รับเหมา คู่สัญญาของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทและการให้บริการแก่ท่าน เป็นต้น
- ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจประเมินภายนอก วิทยากร ที่ปรึกษาทางกฎหมาย เป็นต้น เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ
-
6. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
-
-
- ท่านมีสิทธิที่จะทราบหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท
- ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ในกรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์
- ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้ท่านไม่สามารถรับบริการหรือทำธุรกรรมกับบริษัทได้แล้วแต่กรณี
- ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมาย
-
ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นและดำเนินการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิข้างต้นสามารถดำเนินการโดย ส่งอีเมลไปที่
7. มาตรการความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหายการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายและหรือแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประกอบไปด้วยการดำเนินการดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
-
-
- การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและอุปกรณ์ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยคำนึงถึงการใช้งานและความมั่นคงปลอดภัย
- การกำหนดเกี่ยวกับการอนุญาตหรือกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- การบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งานเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว
- การจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
-
8. การใช้บังคับนโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้มีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทเป็นผู้เก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผย และท่านตกลงให้บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวม และนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้แล้ว (ถ้ามี) ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมในปัจจุบัน และที่จะได้เก็บรวมรวมในอนาคต ไปใช้หรือเปิดเผยแก่บุคคลอื่นภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
9. การทบทวนนโยบาย
บริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทบทวนนโยบายฉบับนี้ อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และจะนำนโยบายฉบับปรับปรุงมาใช้ตามความจำเป็นหรือตามความเหมาะสม